อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:
- EUR/USD เราได้เผยแพร่กราฟเมื่อเจ็ดวันก่อนหน้านี้ซึ่งชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง S&P500 และ EUR/USD ได้หยุดลงตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม แต่ในเวลานี้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ดัชนี S&P ขยับขึ้นต่อเนื่อง ทำระดับสูงสุดที่ 3859.84 เมื่อวันที่ 21 มกราคม และคู่ EUR/USD ก็ปรับขึ้นมาเช่นกัน ทำให้คำทำนายของผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ที่ (65%) เป็นไปอย่างถูกต้อง โดยราคาทำระดับต่ำสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 1.2053 และเงินยูโรก็ขยับขึ้นมาที่ 1.2190 ก่อนจะปิดตลาดที่ 1.2170
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นไปอย่างค่อนข้างสงบส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ว่าการธนาคารกลางยุโรป นางคริสติน ลาการ์ด ไม่สามารถทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงได้ แต่ก็ไม่ยอมให้ยูโรแซงหน้าดอลลาร์แต่อย่างใด ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จระดับหนึ่ง
ในถ้อยแถลงของเธอหลังการประชุมของธนาคารกลางยุโรปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม นางลาการ์ดอธิบายถึงเรื่องที่ดีและเรื่องที่ไม่ดี ในส่วนเรื่องที่ “ดี” นี้คือการเริ่มต้นฉีดวัคซีน ความสำเร็จในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอียู และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ลดลงในสหรัฐฯ ด้านที่ “ไม่ดี” ได้แก่ สถานการณ์โรคระบาดที่แย่ลง คำสั่งล็อคดาวน์เพิ่มขึ้น และแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนถดถอย และระดับเงินเฟ้อต่ำ ซึ่งยังลังเลที่จะขยับขึ้นเนื่องด้วยเงินยูโรที่แข็งค่า
ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางยุโรปปฏิเสธอีกครั้งในการประชุมครั้งล่าสุดที่จะปรับนโยบายทางการเงิน โดยชี้แจงเพียงแค่ว่า “มาตรการโครงการเข้าซื้อฉุกเฉินในช่วงโรคระบาดอาจไม่มีการใช้อย่างเต็มรูปแบบ” ข่าวนี้ส่งผลให้ยูโรแข็งค่าขึ้น แต่ก็ขึ้นไม่มากเพราะไม่มีรายละเอียดใด ๆ ตามมา หลักเกณฑ์ในการใช้มาตรการ PEPP นี้ยังคงเป็นเรื่องลับสำหรับนักลงทุน - GBP/USD เงินปอนด์เติบโตควบคู่ไปกับเงินยูโรในช่วงครึ่งแรกของสัปดาห์ และราคาได้ตัดผ่านกรอบด้านบนที่ 1.3450-1.3700 โดยขยับถึงระดับสูงสุดที่ 1.3745 อย่างไรก็ดี ช่วงท้ายสัปดาห์ปรากฏว่าค่อนข้างคลุมเครือ แนวโน้มขาขึ้นไม่ได้รับแรงหนุนไปจากดัชนีขายปลีก (เพิ่มขึ้นแค่ 0.3% จากที่คาดการณ์ 1.2%) หรือดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจ ในภาคการบริการ ดัชนี Markit ลดลงจาก 49.4 เป็น 38.8 ด้านนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ยิ่งเพิ่มทัศนคติในแง่ลบ โดยเขากล่าวว่าอาจมีการสั่งล็อคดาวน์รอบที่สามไปจนถึงฤดูร้อน ทำให้เงินปอนด์กลับทิศทางมายังกรอบที่กำหนด และปิดตลาดที่ 1.3680
- USD/JPY ในครั้งที่แล้ว คำทำนายหลักซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยนักวิเคราะห์ 65% ชี้ว่า ราคาคู่นี้จะคงตัวในกรอบขาลงระยะกลาง ซึ่งเริ่มต้นขึ้นช่วงปลายเดือนมีนาคมปี 2020 และมีแนวรับอยู่ที่ 103.60 และ 103.00
สถานการณ์นี้ปรากฏว่าถูกต้องอย่างสมบูรณ์แบบ ราคาพยายามอย่างไม่สำเร็จเป็นครั้งที่สองที่จะตัดผ่านระดับกรอบด้านบนของช่องราคานี้ ความพยายามครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วเกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 19 มกราคม โดยราคาเด้งกลับมายังแนวรับที่ 103.60 และขยับถึง 104.07 การรีบาวด์ครั้งถัดมาเกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม จากระดับ 103.30 และหยุดที่ 103.90 หลังจากนั้นราคาก็ปิดตลาดท้ายสัปดาห์ที่บริเวณที่เคลื่อนที่ซ้ำ ๆ ในเดือนนี้ คือ โซน 103.80 - คริปโตเคอเรนซี นี่คือการปรับฐานชั่วคราวหรือจุดเริ่มต้นของฤดูหนาวเงินคริปโต? คำถามนี้เป็นคำถามสำคัญในสัปดาห์ที่แล้ว ราคาบิทคอยน์ดิ่งลงมาต่ำกว่า $29,000 เมื่อวันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม ซึ่งแน่นอนทำให้นักลงทุนหลายคนหวาดกลัว นายสก็อต มิเนิร์ด ผู้อำนวยการบริษัท Guggenheim ทำนายว่า ราคาจะขยับลงต่อไปที่ $20,000 ซึ่งเป็นโซนที่ราคาเริ่มทะยานขึ้นมาในช่วงครึ่งหลังของเดือนธันวาคมปี 2020 ทำราคา BTC เติบโตขึ้น 100%
แต่ฝั่งที่มองโลกในแง่ดียังคงมั่นใจ ตลอดปีที่ผ่านมา ราคาบิทคอยน์ขยับขึ้น 5.75 เท่า จาก $7,300 เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2020 เป็น $41,900 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2021 ดังนั้นการปรับฐาน 30% สำหรับ “บางคน” ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องหวาดกลัวไป นอกจากนี้ นักวิเคราะห์หลายคนยังมองว่าในครั้งนี้ แนวโน้มขาลงของบิทคอยน์ในครั้งนี้จะไม่นำไปสู่การกลับไปหาเงินพันธบัตร นักลงทุนที่เก็บกำไรจากบิทคอยน์จะไม่ละทิ้งตลาดดิจิทัล แต่จะเปิดตำแหน่งกับอัลท์คอยน์ที่มีความน่าสนใจและศักยภาพมากกว่า เช่น อีธีเรียม ราคาเหรียญนี้ขยับขึ้นมากว่า 11 เท่าตลอดปีที่ผ่านมา และหาก BTC/USD เสียมูลค่า 22% เมื่อวันที่ 22 มกราคม ETH/USD ลดลงเพียง 10% เท่านั้น
คำอธิบายนี้ก็สมเหตุสมผลกับสถิติมูลค่ารวมในตลาดเงินคริปโตเช่นกัน ในรอบเจ็ดวัน มูลค่ารวมลดลง 9.5% (จาก $1.028 ล้านล้านเหรียญ เหลือ $0.933 ล้านล้านเหรียญ) ในขณะเดียวกัน มูลค่ารวมของอัลท์คอยน์คงตัวอยู่ที่ระดับเดิมที่ $300 พันล้านเหรียญ ซึ่งเป็นบิทคอยน์เองที่กำลังลดมูลค่าลง และส่วนแบ่งในตลาดก็แสดงให้เห็นว่าบิทคอยน์มีสัดส่วนในตลาดลดลงจาก 67.48% เหลือ 64.31% ในขณะที่ส่วนแบ่งของ Ethereum ในทางกลับกันนั้นเพิ่มขึ้นจาก 13.52% เป็น 15.01%
สำหรับดัชนี Crypto Fear & Greed Index ในที่สุดก็ลงมาจากโซน overbought และปรับลงมาจาก 88 เป็น 40 คะแนนในสัปดาห์นี้ มูลค่านี้อยู่ในช่วงปานกลาง ซึ่งเป็นช่วงที่สายเกินไปจะเปิดตำแหน่งขายกับคู่ BTC/USD และเร็วเกินไปที่จะเปิดตำแหน่งซื้อ แม้ว่านักวิเคราะห์บางคนมองว่าในช่วงที่ราคาย่อตัวลงมาเช่นนี้ “เหล่าปลาวาฬ” เริ่มเข้าเก็บวอลเล็ตบิทคอยน์มากขึ้นและเตรียมเก็บสะสมเหรียญของนักลงทุนที่หวาดกลัว
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD เมื่อวิเคราะห์ผลลัพธ์ของการประชุมธนาคารกลางยุโรปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราสามารถสรุปได้ว่า แม้จะไม่มีความเห็นที่ชัดเจนนักจากนางลาการ์ด ท่าทีโดยรวมของธนาคารกลางฯ ยังคงเป็นนโยบายแบบตึงตัว สภาบริหารธนาคารเน้นย้ำว่า ตลาดตราสารหนี้ของอียูเริ่มมีผลตอบแทนสูงขึ้นและความกังวลเกี่ยวกับการแข็งค่าขึ้นของยูโรเริ่มลดลง ขณะนี้เราต้องรอจับตาดูการประชุมของธนาคารเฟดสหรัฐฯ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 28 มกราคม อัตราดอกเบี้ยของดอลลาร์คาดว่าจะคงตัวระดับเดิมที่ 0.25% ดังนั้น ความสนใจหลักจะอยู่ที่การแสดงความเห็นของผู้บริหารธนาคารเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินในอนาคตอันใกล้ โดยนักลงทุนจะให้ความสนใจเป็นพิเศษกับสิ่งนี้เพราะว่านี่คือการประชุมของธนาคารเฟดครั้งแรกหลังการเข้ารับตำแหน่งของ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ
แน่นอนว่าเราจะได้เห็นการประกาศสถิติมหภาคชุดใหญ่ในสัปดาห์นี้เช่นกัน รวมถึงปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าทุนและสินค้าคงทนในสหรัฐฯ (ซึ่งจะประกาศในวันพุธที่ 27 มกราคม) รวมถึงสถิติ GDP ของสหรัฐฯ และเยอรมนี ซึ่งจะประกาศถัดมาในวันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม และศุกร์ที่ 29 มกราคม
ในระหว่างนี้ ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญแบ่งออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ คือ 45% สนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 ออสซิลเลเตอร์ 75% บนกรอบ H4 อินดิเคเตอร์เทรนด์ 90% บน H4 และ 75% บน D1 เห็นด้วยกับฝั่งตลาดกระทิง โดยให้ระดับแนวต้านใกล้ที่สุดคือ 1.2275, 1.2300 และ 1.2350 เป้าหมายระยะกลางอยู่ที่เดิม คือ ขยับขึ้นไปยังระดับ 1.2500-1.2550
มุมมองในทางตรงกันข้ามเป็นของผู้เชี่ยวชาญ 55% ออสซิลเลเตอร์ 25% บนกรอบ H4 ซึ่งให้สัญญาณว่าราคาอยู่ในโซน overbought และมีแนวรับใกล้ที่สุดที่ 1.2130 และ 1.2060 โดยเป้าหมายหลักคือโซน 1.1800-1.1900 - GBP/USD ณ ขณะที่มีการเขียนรีวิวนี้ สัญญาณออสซิลเลเตอร์บนกรอบ H4 ดูค่อนข้างน่าสับสน สำหรับอินดิเคเตอร์ที่เหลือ ส่วนใหญ่ให้สัญญาณสีเขียว ส่วนออสซิลเลเตอร์ 75% และการวิเคราะห์กราฟบนกรอบ D1 รวมถึงอินดิเคเตอร์เทรนด์ 75% บนกรอบ H4 และ 100% บนกรอบ D1 หันไปทางทิศเหนือ
แต่สำหรับนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (65%) ไม่เห็นด้วยกับการคาดการณ์แนวโน้มขาขึ้นในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพราะสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำของสหราชอาณาจักรและคำแถลงของนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ที่ออกมาเตือนคำสั่งล็อคดาวน์ว่าอาจมีผลถึงฤดูร้อน สิ่งนี้บังคับให้นักลงทุนต้องกลับคำคาดการณ์ของตนเองสำหรับเงินปอนด์ และก็เริ่มพูดถึงโอกาสการใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบของธนาคารแห่งชาติอังกฤษ
ระดับแนวรับอยู่ในโซน 1.3615-1.3635 จากนั้นไปที่ 1.3525 และสุดท้ายจะไปที่ระดับที่ต่ำกว่าของกรอบด้านข้างในรอบสามสัปดาห์ที่ 1.3450 ระดับแนวต้านจำกัดที่ 1.3700, 1.3745 และ 1.3800
- USD/JPY ในที่ประชุมวันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม ธนาคารแห่งชาติญี่ปุ่น และธนาคารกลางยุโรปไม่ได้ปรับนโยบายทางการเงินแต่อย่างใด การคาดการณ์ต่อ GDP ถูกปรับลดลงในช่วงปี 2020 แต่ธนาคารกลางฯ ปรับตัวเลขคาดการณ์เพิ่มขึ้นสำหรับปี 2021 โดยมองว่าแม้จะมีปัญหาต่าง ๆ เศรษฐกิจประเทศน่าจะเติบโตต่อไปได้
ด้วยเหตุนี้ ผู้เชี่ยวชาญ 70% จึงเห็นด้วยว่า เงินเยนจะค่อย ๆ แข็งค่าขึ้น และราคาคู่นี้น่าจะขยับลงมายังแนวรับที่ 103.00
มุมมองอีกทางเลือกหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญโหวตให้ 30% มองว่า ราคาจะตัดทะลุกรอบด้านบนของช่องขาลง และขยับขึ้นไปในตอนแรกยังระดับแนวต้านที่ 104.00 จากนั้นที่ 104.40 และเป้าหมายถัดไปของตลาดกระทิงที่โซน 104.70-105.00 - คริปโตเคอเรนซี ไม่ใช่ความลับเลยว่าบิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนและเสี่ยงสูงขนาดไหน การทะยานขึ้นครั้งใหญ่เป็นเพราะนักลงทุนรายสถาบันเริ่มเข้าสู่ตลาดเงินคริปโตในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 และสนับสนุนโดยภาวะโรคระบาด COVID-19 และมาตรการกระตุ้นทางการเงินของธนาคารเฟดสหรัฐฯ ที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย และพิมพ์เงินดอลลาร์ถูก ๆ เข้าสู่เศรษฐกิจ
และขณะนี้ นักวิเคราะห์กำลังพูดถึงว่า เงินคริปโตนั้นอาจเป็นวิธีการชั่วคราวในการรักษาเงินทุน และขณะนี้นักลงทุนเริ่มทยอยตัวออกจากการซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล
ตามความเห็นของนักวิเคราะห์ JPMorgan Chase ภาพรวมระยะสั้นที่สำคัญของราคาบิทคอยน์คือบริษัทบริหารสินทรัพย์ดิจิทัลขนาดใหญ่ที่สุดในโลก Grayscale Investments ซึ่งมีพอร์ตเงินคริปโตตอนนี้ที่มูลค่า $23 พันล้านเหรียญ จากการคำนวณของนักวิเคราะห์ธนาคาร คู่ BTC/USD จะตัดผ่านแนวต้านที่ $40,000 ได้นั้น Grayscale Bitcoin Trust จะต้องรักษาอัตราการไหลเวียนเข้าของเงินทุนที่ $100 ล้านเหรียญต่อวันในช่วงไม่กี่วันและสัปดาห์ข้างหน้า ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องมีการปรับฐานครั้งใหญ่เกิดขึ้น
ณ ขณะที่เขียนบทวิเคราะห์ฉบับนี้ ราคาคู่นี้อยู่ในบริเวณ $32,500 ซึ่งเป็นระดับแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา และหากมูลค่ารวมตลาดไม่ขยับขึ้น และราคาตกลงมาต่ำกว่า $30,000 เราอาจได้เห็นแรงกดดันเพิ่มขึ้นจากฝั่งหมี และเริ่มการเทขายครั้งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญ 65% เห็นด้วยกับแนวโน้มนี้
แต่ก็มีผู้ร่วมตลาดมืออาชีพที่ยังคงอยู่ในอารมณ์ตลาดกระทิงเช่นกัน ซึ่งได้รับการยืนยันจากผลตอบแทนเป็นบวกสำหรับฟิวเจอร์สเดือนมีนาคมที่ +3.5-5.0% และ นายแดน มอร์เฮด ประธานบริษัทการลงทุน Pantera Capital คาดการณ์ว่าจะได้เห็น “บิทคอยน์ที่ราคา 45,000 หรือสูงกว่า” ในเดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม เขาแนะนำให้นักเทรดและผู้ร่วมวงการคนอื่นระมัดระวังให้มากที่สุด คำแถลงของรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ก็เป็นแรงบันดาลใจที่ดีเช่นกัน นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และอดีตประธานธนาคารเฟดได้พูดถึงการปรับปรุงระบบการเงินแบบดั้งเดิม และเริ่มสนับสนุนการใช้งานคริปโตเคอเรนซีถ้ามีการใช้งานตามกรอบกฎหมาย แต่เวลาเท่านั้นที่จะบอกเราได้ว่ากฎหมายที่ว่าเหล่านี้คืออะไร แต่มีเฉพาะหมอดูเท่านั้นที่พอจะคาดเดาได้
ตามที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน มาร์เรน อัลท์แมน โหราจารย์จากนิวยอร์กได้มีการทำนายราคาบิทคอยน์โดยอ้างอิงจากการเคลื่อนไหวของดวงดาว เธอเคยทำนายการปรับฐานของบิทคอยน์ในเดือนมกราคมได้อย่างถูกต้อง เพราะวันนั้นเป็นวันที่ดาวพุธ (ราคา BTC) ถูกตัดโดยดาวเสาร์ (ตัวขัดขวาง) เมื่อมองไปข้างหน้านั้น เธอเห็น “สัญญาณที่ดีในช่วงปลายเดือนและโดยเฉพาะในเดือนกุมภาพันธ์และต้นเดือนมีนาคม” “อย่างไรก็ดี การปรับฐานครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนมีนาคม” เธอกล่าว “กลางเดือนเมษายนก็ดูแย่เช่นกัน แต่พฤษภาคมจะดีขึ้น”
นอกจากนี้ อัลท์แมนมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียแล้วมากกว่าหนึ่งล้านคน ในบรรดาผู้ติดตามนี้อาจเป็นนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ จึงมีความเป็นไปได้ที่เธอและดวงดาวของเธอ โดยไม่ใช่ Grayscale Investments นั้นเป็นผู้ควบคุมตลาดเงินคริปโต ☺
กลุ่มนักวิเคราะห์ NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ