อันดับแรกเป็นการทบทวนเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว:
- EUR/USD แหล่งข่าวรอยเตอร์ระบุว่า อัตราแลกเปลี่ยนที่ 1.2000 เหมาะสำหรับทั้งสองฝ่าย ทั้งฝั่งธนาคารเฟดสหรัฐฯ และธนาคารกลางยุโรป เมื่อดูที่กราฟ เราอาจเห็นได้ว่า: ไม่ใช่ที่ 1.2000 แต่เป็น 1.1850 ซึ่งเป็นระดับที่ราคาเคลื่อนที่มาตลอดเจ็ดสัปดาห์ แต่จริง ๆ แล้ว ส่วนต่างที่ 150 จุดไม่มีนัยสำคัญในที่นี้
ดูเหมือนว่าท่าที “ผ่อนคลาย” ในช่วงท้ายของการประชุมธนาคารเฟดเมื่อวันพุธที่ 16 กันยายน น่าจะทำให้ความน่าดึงดูดของเงินดอลลาร์ลดลง นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังประกาศความพร้อมที่จะรักษาอัตราดอกเบี้ยต่ำไปจนถึงปี 2023 อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรในทิศทางดังกล่าวเกิดขึ้น เหตุผลก็คือเรามักได้ยินถ้อยคำสัญญาณ “ผ่อนคลาย” จากธนาคารเฟดมาโดยตลอด
ในทางกลับกัน ค่าเงินดอลลาร์พยายามที่จะแข็งค่าขึ้นท่ามกลางแนวโน้มขาลงในตลาดหุ้น แต่ความพยายามดังกล่าวก็ล้มเหลวเช่นกัน นักลงทุนเชื่อในแนวโน้มของเงินยูโรและเริ่มที่จะเปิดตำแหน่งซื้ออย่างคึกคักมากขึ้นทันทีที่ราคาขยับถึงกรอบด้านล่างในช่องราคารอบ 1.5 เดือนที่ 1.1700-1.2010 ดังนั้น ราคาจึงกลับตัวมายังระดับสมดุลภายในช่วงท้ายสัปดาห์และปิดตลาดที่ 1.1845 - GBP/USD ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา และทั้งหมดนี้แข็งค่าขึ้นแม้ว่าจะมีปัญหาในตลาดแรงงานสหราชอาณาจักร สถานการณ์ COVID-19 ที่เลวร้ายยิ่งขึ้น และสถานการณ์ที่ยังไม่มีการไกล่เกลี่ยกันในเรื่องเบร็กซิต การลงคะแนนเบื้องต้นในรัฐสภาเพื่อผ่านร่างกฎหมายเจ้าปัญหา ที่หากมีการผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้จะยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ของการแยกตัว “เบร็กซิต” แบบยากลำบาก และยิ่งทำให้การแยกตัวออกจากอียูขาดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เมื่อพิจารณาสถานการณ์ข้างต้น ธนาคารแห่งชาติอังกฤษในที่ประชุมเมื่อวันที่ 17 กันยายน ยังไม่เริ่มที่จะปรับทิศทางนโยบายทางการเงิน แต่ตัดสินใจที่จะใช้แนวทางรอดูสถานการณ์ต่อไป และคงทุกอย่างในลักษณะเดิมในเวลานี้
แม้ทั้งหมดนี้แล้วนั้น เงินปอนด์ก็ยังสามารถแข็งค่าขึ้นชนะคืนจากเงินดอลลาร์กว่า 200 จุด และขยับถึงระดับสำคัญที่ 1.3000 ภายในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามมาด้วยการรีบาวด์ลงมา และปิดตลาดรอบห้าวันทำการที่ 1.2921 - USD/JPY เช่นเดียวกับธนาคารกลางแห่งอื่น ธนาคารแห่งชาติญี่ปุ่นตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลง การตัดสินใจนี้ไม่ใช่ข่าวน่าประหลาดใจใด ๆ ตลาดกำลังจับตาดูการลาออกจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แม้ว่าผู้ที่สืบทอดตำแหน่งต่อจากเขา นายโยชิฮิเดะ สุกะ จะได้ปฏิญาณตนที่จะดำเนินนโยบายของเขาต่อไป การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจจะไม่ใช้เวลาไม่นาน
ในสัปดาห์ที่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่โหวตคะแนนให้ว่าเงินเยนญี่ปุ่นจะแข็งค่าและราคาจะลดลงมาที่ระดับ 105.10 และขยับลงมาอีก 100 จุด และคำทำนายนี้ปรากฏออกมาว่าถูกต้อง 100% ราคาคู่นี้ลงมาที่ 104.25 และปิดตลาดในโซน 104.55 - คริปโตเคอเรนซี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราได้พูดถึงดัชนีใหม่ในการประเมิน คือ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อ BTC ซึ่งนำเสนอโดยแหล่งบทวิเคราะห์ CryptoQuant ที่ระดับ $10,000 บิทคอยน์กำลัง “ประสบกับความต้องการสูงจากฝั่งผู้ซื้อ” ผู้เชี่ยวชาญ (60%) เห็นด้วยกับความเป็นไปได้ที่ราคา BTC/USD จะรีบาวด์จากแนวรับและมีโอกาสเติบโตไปที่โซน $10,700-11,200 และพวกเขาก็ทำนายได้ถูกต้องราคาได้ปักหลักที่ระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์ที่ $10,2000 และขยับถึงระดับระยะกลางสำคัญที่ $11,100 เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ซึ่งเป็นบริเวณที่ราคาได้ขยับมาตลอดแปดสัปดาห์
ธุรกรรมบิทคอยน์ที่เพิ่มขึ้นนั้นมากกว่า 75% ในเดือนสิงหาคม ตามรายงานข่าว The Block ข้อเท็จจริงนี้อาจชี้ว่า นักขุดเหรียญรายย่อยได้กลับมาสู่อุตสาหกรรมแล้ว หลังจากออกจากแวดวงไปหลังการฮาล์ฟเหรียญเมื่อเดือนพฤษภาคม ในเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีอีกครั้งในการเริ่มทำรายได้จากแนวโน้มขาขึ้นในมูลค่าของเหรียญหลัก และนี่คือปัจจัยที่ดีสำหรับบิทคอยน์ นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่จำนวนธุรกรรมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากเท่านั้น แต่ปริมาณยอดเงินโดยรวมนั้นคิดเป็นเงินกว่า $191 พันล้านเหรียญ ในขณะที่เมื่อเดือนกรกฎาคม ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ $85 พันล้านเหรียญ
ในอีกทางหนึ่ง บทวิเคราะห์ของ Glassnode ระบุว่า เกือบ 10% ของผลตอบแทนที่ส่งไปยังนักขุดเหรียญนั้นใช้จ่ายไปกับธุรกรรมเพื่อการวางเหรียญ BTC ในตลาดแลกเปลี่ยนสื่อกลาง ด้วยเหตุนี้เอง เงินคริปโตจึงกำลังประสบกับแรงกดดันอย่างหนักจากฝั่งผู้ขายเมื่อพยายามที่จะขยับขึ้นเหนือระดับสำคัญ
ดัชนี Bitcoin Fear and Greed Index ขยับขึ้นเล็กน้อยและอยู่เกือบบริเวณตรงกลางของดัชนีที่ 49 (41 เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนหน้า) มูลค่ารวมในตลาดเงินคริปโตก็เพิ่มขึ้นในรอบเจ็ดวัน จาก $334 พันล้าน เป็น $335 พันล้านเหรียญสหรัฐ
และอีกหนึ่งข้อสังเกตที่น่าสนใจของ The Block เกี่ยวกับกับ Ethereum หากรายได้ของนักขุดเหรียญบิทคอยน์เพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคมเทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ 23% รายได้ของนักขุด Ethereum เกือบสองเท่ากว่า 98% นักวิเคราะห์บางคนมองว่านี่อาจเป็นเพราะความสนใจที่เพิ่มขึ้นในเหรียญสกุลนี้ในหมู่นักลงทุนรายใหญ่
สำหรับบทวิเคราะห์ของสัปดาห์นี้ เราได้สรุปความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์มากมาย รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟต่างๆ โดยเราสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้:
- EUR/USD สำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ชัดเจนว่าหลังจากระยะเวลาหนึ่งเดือนครึ่งที่ราคาขยับในช่วง 1700-1.2010 และปิดตลาดที่ตรงกลางที่ 1.1845 ไม่มีอินดิเคเตอร์เทรนด์หรือออสซิลเลเตอร์ตัวไหนที่สามารถให้สัญญาณที่ชาญฉลาดได้ การวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 ก็ให้ภาพความต่อเนื่องของเทรนด์ด้านข้าง อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์ที่แล้ว ราคาได้ปิดตลาดใกล้บริเวณแนวต้าน 1.1900 และออสซิลเลเตอร์ 15% ให้สัญญาณว่าราคาอยู่ในโซน overbought เราจึงสามารถคาดหวังว่าราคาน่าจะปรับฐานลงทิศใต้ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นด้วยกับคำคาดการณ์นี้ (75%) อย่างไรก็ตาม มีเพียงนโยบายทางเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจนเท่านั้นถึงจะเป็นตัวชี้ชะตาสำหรับคู่ EUR/USD ให้ตัดทะลุกรอบดังกล่าวในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
ทั้งนี้ มีข้อโต้แย้งมากมายเกี่ยวกับการแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร เราเคยเขียนไปแล้วว่า ดัชนีของ Bloomberg ชี้ว่า EUR/USD จะขยับขึ้นต่อไป อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วมากกว่าในประเทศเศรษฐกิจโลกเก่าเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ การแบ่งสรรทองคำและปริมาณเงินสำรองในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนต่างประเทศโดยธนาคารกลางของประเทศผู้นำต่าง ๆ ก็มีทิศทางที่สนับสนุนค่าเงินยูโร แล้วก็มีประเทศจีนซึ่งเป็นหุ้นส่วนการส่งออกสำคัญของยูโรโซนที่แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ก็มีอัตราการเติบโตของ GDP ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่สอง
และสุดท้ายนี้ เรายังไม่สามารถเพิกเฉยต่อความตั้งใจของธนาคารเฟดที่จะปรับลดค่าเงินดอลลาร์ และความสมัครใจของ นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป เพื่อเริ่มสงครามค่าเงินกับสหรัฐฯ เพราะสิ่งนี้
เราจะเริ่มจับตามองถ้อยแถลงของ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารเฟดในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 21 กันยายน ตามมาด้วยถ้อยแถลงในสภาคองเกรสในวันพุธและวันพฤหัสบดี ในวันที่ 24 กันยายน นายเจอโรม พาวเวลล์ จะพบกับนายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ พวกเขาจะกล่าวอะไรใหม่ ๆ หรือจะพูดซ้ำกับสิ่งที่นายพาวเวลล์เคยพูดไว้เมื่อวันที่ 16 กันยายนหรือไม่? ซึ่งแนวโน้มน่าจะเป็นอย่างที่สอง แต่ถ้อยแถลงของพวกเขาแน่นอนว่าจะต้องเพิ่มความผันผวนในตลาด - GBP/USD สถานการณ์ในการอ่านอินดิเคเตอร์ในที่นี้สะท้อนความเห็นที่ไม่ลงรอยกันในรัฐสภาสหราชอาณาจักรในช่วงการโหวตเบร็กซิต ส่วนเดียวที่ให้สัญญาณค่อนข้างชัดเจนก็คือออสซิลเลเตอร์ในกรอบ D1 ที่ 75% ให้สัญญาณสีแดง แต่ที่นี่มี 25% ให้สัญญาณแล้วว่า ราคาอยู่ในโซน oversold โดยก็ไม่มีความเห็นพ้องกันในหมู่ผู้เชี่ยวชาญแต่อย่างใด ความเห็นของพวกเขาแบ่งเป็นหลายกลุ่มเท่า ๆ กัน: หนึ่งในสามเป็นการเติบโตของคู่ หนึ่งในสามเป็นแนวโน้มขาลง และหนึ่งในสามก็มองเทรนด์ด้านข้าง
การวิเคราะห์กราฟก็ไม่ชัดเจนเช่นกัน โดยแตกต่างจากออสซิลเลเตอร์ส่วนใหญ่ในกรอบ D1 การวิเคราะห์กราฟชี้ว่า ราคาจะขยับในตอนต้นไปที่ 1.3000 และในกรณีที่ตัดทะลุ เป้าหมายถัดไปจะเป็น 1.3185 เป้าหมายสุดท้ายของฝั่งกระทิงคือการทดสอบระดับของวันที่ 1 กันยายนที่ 1.3480 ระดับแนวรับ ได้แก่ 1.2760, 1.2650, 1.2500
เมื่อขยับจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคมาเป็นการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เราจำเป็นจะต้องย้อนถึงรายละเอียดการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารแห่งชาติอังกฤษ แม้ว่าจะไม่มีการตัดสินใจใด ๆ ฝ่ายบริหารของธนาคารฯ ก็ยังไม่ตัดโอกาสเรื่องการใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบ โดยเริ่มเร็วที่สุดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้ และหากการตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นจริง อาจส่งผลให้เงินปอนด์ถูกกดดันหนัก ในระหว่างนี้ นักลงทุนหวังว่าจะได้รับความชัดเจนมากขึ้นในประเด็นดังกล่าวจาก นายแอนดริว ไบเลย์ ประธานธนาคารแห่งชาติอังกฤษ ซึ่งจะกล่าวแถลงในวันที่ 22 กันยายน - USD/JPY แม้ว่าธนาคารแห่งชาติญี่ปุ่นได้ปรับเพิ่มตัวเลขการประเมินสภาพเศรษฐกิจ รัฐบาลยังไม่มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงปริมาณการกระตุ้นเศรษฐฏิจ ดังนั้น ในกรณีนี้ นักลงทุนจึงดูที่ท่าที “ผ่อนคลาย” ของธนาคารเฟดเป็นหลัก ทั้งนี้ ตลาดหุ้นที่ปรับลงในสหรัฐฯ ก็มีบทบาทอย่างไม่คาดคิด ทำให้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์เหมือนเดิมกับในสัปดาห์ที่แล้ว โดยส่วนใหญ่ (60%) เข้าข้างกับฝั่งตลาดหมี ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาจะขยับเข้าสู่เทรนด์ขาลงและเงินเยนจะแข็งค่าขึ้นต่อไป ในขณะเดียวกัน พวกเขายังไม่ตัดโอกาสที่ราคาจะขยับตอนแรกไปที่ระดับต่ำสุดของวันที่ 9 มีนาคม ที่ระดับ 101.17 และจากนั้นไปที่ระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 100.00 ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยมีแนวรับใกล้ที่สุดในโซน 104.20
นักวิเคราะห์ 40% ที่เหลือซึ่งสนับสนุนโดยการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 คาดหวังว่า ราคาจะไม่สามารถสามารถตัดทะลุระดับ 104.20 และจะรีบาวด์ขึ้นไปและกลับไปที่โซน 105.80-106.30 โดยออสซิลเลเตอร์ 15% ในกรอบ H4 และ D1 ให้สัญญาณว่าราคาอยู่ในโซน oversold และเห็นด้วยกับทิศทางนี้ ทั้งนี้ เมื่อปรับมาเป็นการวิเคราะห์ในนระยะกลาง จำนวนผู้สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นของคู่นี้เพิ่มขึ้นเป็น 70%
- คริปโตเคอเรนซี ตามความเห็นของ นายแดน ทาเพียโร ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทการลงทุน DTAP Capital เขามองว่า ตลาดได้พัฒนาเงื่อนไขให้บิทคอยน์แข็งค่าขึ้นในระยะยาว โดยมีปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคหลายประการที่จะผลักดันความต้องการของเงินคริปโตให้เพิ่มขึ้น โดยผู้ร้ายสำคัญในที่นี้คือธนาคารเฟดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวการที่คอยทุ่มเงินมหาศาลเข้าในเศรษฐกิจ และทำให้มูลค่าของเงินลดลง
“เรากำลังอยู่ในช่วงใกล้ความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ: สถานการณ์จะคล้ายกันกับวิกฤติในช่วงปลายปี 1980s มูลค่าของสินทรัพย์อเมริกันจะลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เงินทุนขนานใหญ่เคลื่อนย้ายจากหลักทรัพย์ของรัฐมาสู่ทองคำและบิทคอยน์” นายทาเพียโรกล่าว โดยเน้นว่าในช่วงสองปีครึ่งที่ผ่านมา เราได้เห็นการแข็งค่าขึ้นของ BTC และในตอนนี้มีแนวโน้มสูงที่สุดที่เรากำลังรอการระเบิดขึ้นของราคาสกุลเงินคริปโตขนาดใหญ่ที่สุด นักลงทุนเพียงแค่ต้องอดทนรอ
นายโรเบิร์ต คิโยซากิ นักเขียนและนักลงทุนชื่อดัง ผู้ที่ถือว่าบิทคอยน์เป็นหนึ่งในการลงทุนระยะยาวที่ดีที่สุดก็เห็นด้วยกับนายทาเพียโร จริงอยู่ที่เขาเตือนว่าการค้นพบวัคซีนไวรัสโคโรนาที่มีประสิทธิภาพอาจทำให้ราคาบิทคอยน์และทองคำทรุดตัว ซึ่งนายคิโยซากิมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ที่จุดนี้เองที่นักลงทุนจะมีโอกาสที่ดีเยี่ยมในการครอบครองสินทรัพย์เหล่านี้
มุมมองในทางตรงกันข้ามเป็นของนักวิเคราะห์จาก Weiss Crypto Ratings ผู้เชื่อว่า เทรนด์ขาลงของบิทคอยน์ที่ครองตลาดในช่วงต้นเดือนกันยายนนั้นไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะผลักราคาให้ลงมาต่ำกว่า $10,000 ในอนาคตอันใกล้ (สำหรับ Ethereum นั้น Weiss Crypto Ratings มองว่าระดับ $350 เป็นแนวรับสำคัญ)
ผลลัพธ์ที่น่าสนใจยังนำเสนอโดยตลาดอนุพันธ์เงินคริปโต Deribit พวกเขาเดิมพันกับออปชั่นบิทคอยน์อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าราคาจะขยับขึ้นไปที่ $32-36,000 ภายในสิ้นปีนี้ บริษัทมีสัญญาของเดือนธันวาคมที่ราคา $36,000 จำนวน 752 สัญญา ตามมาด้วยที่ราคาใช้สิทธิ์ที่ $32,000 อีก 462 สัญญา ในส่วนสัญญาเดือนธันวาคมที่ราคา $28,000 มีจำนวนสัญญาเล็กน้อย
ผลลัพธ์การเทรดเช่นนี้ยากแก่การอธิบาย เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว ผู้ร่วมตลาดประมาณการโอกาสที่ราคาบิทคอยน์จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างน้อย $20,000 ภายในเดือนธันวาคมว่ามีโอกาสต่ำมาก โอกาสเป็นไปได้ที่ราคาจะขึ้นเกิน $20,000 คือ 5% และ $28,000 คือ 2% เท่านั้น ส่วนผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ (65%) เชื่อว่า คู่ BTC/USD จะขึ้นปี 2021 ในช่วงราคา $9,000-10,000 โดย 10% เชื่อว่า ราคาจะยังคงเคลื่อนที่ตามระดับ $11,000 และมีเพียง 25% เท่านั้นที่คาดการณ์ว่าจะเห็นราคาขึ้นเหนือ $12,0000
กลุ่มนักวิเคราะห์ NordFX
หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรยึดถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือเป็นคำปรึกษาในการซื้อขายในตลาดการเงิน โดยเนื้อหาข้างต้นเป็นไปเพียงเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การซื้อขายในตลาดการเงินมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินฝากได้
กลับ กลับ